วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พันธุกรรมทางความคิด


คุณจะเลือกยาสีไหน 

หากเลือกสีนํ้าเงิน  คุณเลือกที่จะเชื่่อในกรอบความคิดเดิมๆใช้ชีวิตตามความเชื่อที่พ่อแม่ถ่ายทอดมาให้ มากกว่าใช้ ปัญญา และลืมความจริงทุกอย่าง 

หากเลือกสีแดง ก็จะตื่นมารับรู้ความจริง มีความคิดอิสระแบบมีหลักการ ใช้ชีวิตด้วยปัญญา มากกว่าความเชื่อ คิดนอกกรอบเดิมๆ 


จากการได้คุยกับ คน มาจำนวนมาก และ หลากเชื้อชาติ สิ่ง 1 ที่ ผมรู้สึกได้คือ คนไทยนั้นมี กรอบความคิดที่หลากหลายและสูงมาก อาจจะสูงกว่าหลายชาติตะวันตก ซึ่ง กรอบความคิดนั้นถูกปลูกฝัง โดย สภาพแวดล้อม ขนบธรรมเนียม ทัศนคติส่วนบุคคล ไม่ได้แปลว่า ถูกต้องหรือข้อเท็จจริงนะคร๊าบบบ กรอบความคิดนั้นส่วนใหญ่มักเป็นผลเสียมากกว่าผลดีเพราะมันหยุดยั้งจินตนาการและพัฒนาการของเรา ฝรั่งซึ่งเป็นชาติที่กรอบความคิดน้อยกว่าเราจึงสามารถคิดนอกกรอบ ได้ง่ายกว่า และ เจริญกว่าเรานั่นเอง 

เมื่อผมนึกถึง เรื่องSelfish Gene หรือ ยีนเห็นแก่ตัว ก็คิดถึง ทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะมันบอกถึงความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต จากแนวคิด สิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นที่อยู่รอด(survival the fittest ) และดํารง เผ่าพันธุ์ของตนไว้และทําให้เกิด การคัดเลือกตามธรรมชาติเกิดความแตกต่าง ไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนเกิดสปีชีส์ใหม่ สิ่งมีชีวิตที่จะอยู่รอด ไม่จำเป็นต้องเป็น สิ่งมีชีวิต ที่แข็งแรงที่สุด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมมากที่สุด ในกรณียีราฟคอยาวนั้น อธิบายตามทฤษฎีของดาร์วินได้ว่า ยีราฟมี บรรพบุรุษ ที่คอสั้นแต่เกิดมี variation ที่มีคอยาวขึ้น ซึ่งสามารถหาอาหาร พวกใบไม้ได้ดี กว่าตัวพวกคอสั้นและถ่ายทอดลักษณะ คอยาวไปให้ลูกหลาน ได้ ส่วนพวกคอสั้นหาอาหารได้ไม่ดีหรือแย่งอาหาร สู้พวกคอยาวไม่ได้ในที่สุดก็จะตายไป จึงทําให้ ในปัจจุบันมีแต่ยีราฟคอยาวเท่านั้น เพราะบ่งบอกว่า ลักษณะทางพันธุกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมจะถูกกำจัด หรือสูญหายไป   ทฤษฎีวิวัฒนาการของนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ๆ ได้แก่

1. ทฤษฏีของลามาร์ค (Jean Lamarck)
2. ทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin)
3. ทฤษฏีของดาร์วิน และ วอลเลช (Alfred Russel Wallace)

ในบรรดานี้ ผมชอบของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน มากที่สุด  ดาร์วินได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งวิชาวิวัฒนาการ ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติของดาร์วินดังนี้คือ ความแปรผันที่เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ตามย่อมมีส่วนช่วยให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตได้ ในสิ่งแวดล้อมนั้นๆ ส่วนความแปรผันที่ไม่เหมาะสม ทําให้สิ่งมีชีวิตถูกกําจัดไปด้วย เหตุนี้เมื่อเวลา ล่วงเลยไปนานขึ้นลักษณะที่เหมาะสมก็จะสะสมไปนานขึ้น ลักษณะที่เหมาะสม ก็จะสะสมไปนานขึ้น เกิดสิ่งมีชีวิตแตกต่าง จากเดิมมากมาย จนในที่สุดก็เกิดสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่

สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่อยู่รอด โดย การ ถ่ายทอดพันธุกรรมหรือ Gene นั่นเอง ซึ่งมาจาก ทั้ง พ่อและแม่ จึงทำให้เกิดเป็นชีวิตใหม่ ซึ่ง จะมีการ Copy มาจากต้นฉบับ ดังนั้นร้อยละ 90% ยังคง รูปร่าง เผ่าพันธุ์เดิม นอกจาก การถ่ายทอดทางกายภาพ พ่อและแม่ มักจะถ่ายทอด ความคิด มายัง บุตร รวมถึง กรอบความคิด ซึ่ง ความคิด กรอบความคิดที่ ถูก ถ่ายทอดมาจาก พ่อและแม่ นั้น ย่อมเกิดจากประสบการณ์ ของ พ่อและแม่ ซึ่ง ประสบการณ์ก่อให้เกิดความเชื่อ ซึ่งความเชื่อไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงหรือ Fact นั่นเอง  จึงได้มีคำไทยว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น  หากลูกไม้นั้น เชื่อฟัง โดยไม่ไตร่ตรองสิ่งที่ถูกสอนเพราะอาจแยกไม่ออกไม่รู้อันไหนจริงเท็จ กรอปความคิด ก็ จะเหมือนที่พ่อแม่ ตี กรอบ มา ให้ แต่ หาก  บุตร มีความรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง หรือเติบโต มาในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากพ่อแม่ ตามหลักดัดแปลงเข้ากับสิ่งแวดล้อมตามความคิดของ ดาร์วิน ก็จะเกิดการผ่าเหล่าทางความคิด คือ การต่อต้านความเชื่อ เดิม ซึ่งแน่นอนมักจะมี ปัญหา กับ พ่อแม่ เพราะ ความคิดไม่ลงลอยกัน ก็จะถูกตีตราว่า เป็น เด็กดื้อ แต่ความจริงอาจเป็น เด็กฉลาด ก็ได้

การถ่ายทอดทางความคิดแบบอาศัยประสบการณ์และความเชื่อ โดยที่ไม่ได้มีการพิสูจน์นั้นผมคิดว่าเป็นอันตราย เนื่องจาก เหตุการณ์ ปัจจุบัน กับสมัยพ่อแม่ นั้นอาจต่างกัน และ หากถ่ายทอดไปแล้ว จะเป็นการยากที่จะทำการลืมหรือUninstall กรอบความคิดนั้น และจะทำให้ ใจเกิด ปฏิเสธ ความคิดใหม่ อื่นๆ ทำให้เรามี สมอทางความคิด ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจ ในการลงทุน เพราะถูกตีกรอปความคิด ไปเรียบร้อยแล้วจะไม่ยอมรับความเชื่อใหม่เพราะขัดกับความเชื่อที่ตัวเองได้รับมา ตัวอย่าง ครั้นที่ Peter Lynch ไปบรรยาย ที่ Wharton Business School เคย มี นักศึกษา ป.โท Finance ถาม Peter Lynch ว่า ทำยังไง ถึงจะลงทุนหุ้นเก่งเหมือนคุณ   Peter Lynch ตอบว่า ให้ลืมสิ่งที่เรียนมาซะ (เพราะนักศึกษาคนนั้นเชื่อใน Efficient Theory ที่บอกว่า คุณไม่สามารถเอาชนะตลาดหุ้นได้เพราะตลาดมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Theory นี้โด่งดังในยุคนั้นอย่างมาก) อย่างไรก็ตามที่สำคัญ วิธีที่ดีกว่าคือ  ควร มี หลักการ ผลลัพธ์ และ หลักฐาน ของวิธีการที่จะได้รับการถ่ายทอด ซึ่งสมัยนี้ หาได้จาก Google  เราแค่ Search ในสิ่งที่เราอยากรู้และ ดู Source ว่ามาจาก แหล่งที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่ ซึ่งช่วยได้เยอะ  

ตัวอย่าง ในโลกการลงทุนนั้น พ่อแม่ที่เป็นนักเก็งกำไร ส่วนใหญ่ก็จะถ่ายทอดมุมมองประสบการณ์แบบนักเก็งกำไรให้ลูก ถ้าลูกได้พ่อแม่เป็น นักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ มีหลักการ Money Management บริหารPortfolio และความเสี่ยง ก็โชคดีไป แต่ หากได้ มาเพราะโชคและคิดว่าเป็นฝีมือแล้ว มาถ่ายถอดละก็ นั่นก็อาจเป็น หายนะได้  เพราะ Right For The Wrong Reasons จนกลายเป็นกรอบความคิด


อย่างไรก็ตาม การถ่ายทอดพันธุกรรมทางความคิดที่ดี นั้น ตัวอย่าง สมัยที่ผมเคยเรียน ดนตรี นั้น  อาจารย์ มักจะถามว่า นักดนตรี ท่านไหน เป็น ดาวในดวงใจเรา ให้เรา หามาสัก 2-3 คน  แล้วศึกษาแนวคิดวิธีการของเค้าในการสร้างสรรค์งานไม่ใช่แต่เล่นเหมือนแต่ต้องศึกษาหลักคิดว่าทำไมลูกSolo นี้ถึงใช้กับ Chord นี้  รวมถึงที่มาของแนวดนตรี เพื่อนำไปต่อยอดเป็นตัวของตัวเอง สำหรับ การลงทุนผมว่าหลักการเรียนถ่ายทอดความคิดนี้ก็นำมาใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน หรือ นักเก็งกำไร ก็ไม่ได้ผิดคนเรามันเชี่ยวผิดกันทางใครทางมัน แต่ จากที่ผมสังเกต นักลงทุนหรือเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ ผมพบว่า คนเหล่านั้น ได้รับการถ่ายทอด ตรรกะ หรือ เรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง จาก Guru ที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งเป็น Model ที่เราจะพยายามลอกเลียนแบบ แนวคิด และ ต่อยอดในแบบของเรา เพราะท่านเหล่านี้ เช่น Lynch, Buffet, Soros, Livermore  ดังนั้น ทุกขั้นตอนในการตัดสินใจ จึงตัดสินใจอย่างเป็นระบบและมีหลักการ ไม่ใช่คิดเองเออเองหรือ คิดตามใจฉันในแบบที่ใจฉันอยากให้เป็นโดยไม่ดูความเป็นจริง และ พันธุกรรมทางความคิดที่ถูกต้อง นั้นผมพบว่า จะเห็นผลชัดเมื่อ เกิดเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามคาดที่ทำให้สภาพความเป็นอยู่นั้นยากลำบากกว่าปกติ เพราะเป็นการทดสอบของหลักคิดและการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแบบโหดร้าย ตัวอย่าง เช่น Crisis ต่างๆ เช่น Crisis ปี 2540 หรือ  Subprime คนที่ได้รับการถ่ายทอดที่ถูกต้อง จะ มี ตรรกะในการจัดการอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็น ซื้อ ถือ หรือ ขาย  positionของหุ้นแต่ละตัว มักถูกวางแผนไว้ก่อนแล้ว ซึ่งผมคิดว่า ตรรกะที่ถูกต้องนั้นก็เหมือน ยีน ที่ดี ที่สามารถ ดัดแปลงเข้ากับสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย และ อยู่รอดได้ ดังนั้น กรอบความคิดที่ถูกต้องนั้น ควรจะพิสูจน์ มาแล้วว่าใช้ได้มานาน และ ผ่านมาหลายCrisis  แม้กรรมพันธุ์ ทางร่างกายเราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ ข่าวดีคือ กรรมพันธุ์ทางความคิดเป็นสิ่งที่เราเลือกได้
และ หากเราเลือก ความคิดที่ถูกต้องซึ่งพิสูจน์ว่าอยู่รอดมานานแล้ว แม้จะขัดแย้งกับความคิดพ่อแม่ เราก็ต้องเลือกความคิดที่ถูก เพราะมันหมายถึงโอกาสของความอยู่รอดในรุ่นเราและรุ่นต่อไป